26.8.11

ความเป็นไทย

"ผมอยากจะเดาด้วยว่า ความเป็นไทยที่ถูกท้าทายนี้กระทบต่อชนชั้นนำยิ่งกว่าใคร เพราะบทบาทที่เคยกุมการนิยามความเป็นไทยหลุดจากมือชนชั้นนำไปอย่างฉับพลัน คล้ายกับอะไรที่เกิดขึ้นในสมัยสงครามโลกครั้งที่ 2 คืออำนาจนำในการนิยามความเป็นไทย ตกไปอยู่ในมือของ จอมพล ป.พิบูลสงคราม ไม่ว่าจะเป็นการแต่งกาย, อักขรวิธี, การพูดจา, และศิลปะการแสดง แต่ครั้งนี้คนที่แย่งชิงการนิยามความเป็นไทยไปกลับเป็นคนไร้หัวนอนปลายตีน..."


นิธิ เอียวศรีวงศ์ 
23 สิงหาคม พ.ศ. 2554
By : matichon.co.th


ปล.(ส่วนตัว) อยากให้ไปติดตามอ่านฉบับเต็ม ความเข้มข้นในตอนท้ายชวนให้ตบเข่าฉาด และหัวร่อออกมาอย่างท่าทีของชนชั้นสูง(ผู้ขาดสามัญสำนึกในกำพืด)

25.8.11

Red Guard


ถ้าเชื่อตาม อูไกว่ (อาจารย์ของแพนด้าโป) ที่เคยร่ำว่า "ไม่มีเหตุบังเอิญในโลก" การพบเห็นสิ่งทำคล้าย เจตนา หรือจงใจให้เหมือน วัฒนธรรม/ศิลปะ แบบหลังม่านเหล็ก(ในโซเวียตรัสเซีย) อย่างบ่อยถี่ช่วงนี้ คงต้องมีสาเหตุที่มาที่ไปสินะ

ความนิยมล้อเลียนศิลปะแบบคอมมิวนิสต์ (เฉพาะเจาะจงไปที่ Propaganda Poster) มีตั้งแต่ไหนไม่ทันสังเกตุ หากถามเอาทัศนะส่วนตัว ความทรงจำไกลที่สุดที่ระลึกได้ พาลให้วลีที่เคยได้ยินลอยมา เบา เบา

"แดดแรงเท่าไร เงาก็ยิ่งชัดเข้มเท่านั้น"

ภาพกราฟฟิคกลับมามีอิทธิผลโดยไม่เพียงส่งผ่านจากโปสเตอร์ กลับทำตัวเหนือกว่านั้นด้วยยืมมือสื่อในเครือข่ายอินเทอร์เน็ต(Social Network)เสียเลย ในการหาเสียงของ มิสเตอร์โอบามา เลือกฉวยเอาวัฒนธรรมป็อปอาร์ท(Pop-Art) ในนามตัวพ่อของภาพแนวฉูดฉาดอย่าง แอนดี้ วอฮอลล์ มาเป็นหัวหอก นี่ถือประหนึ่งเป็นแดดอันแรงแผดจ้าในวันฟ้าหม่นของคนอเมริกา ภาพลักษณ์ของคนหัวใหม่ ความหวัง แรงบันดาลใจ และแน่นอนสื่อสารตรงกลุ่ม ความฉูดฉาดของการใช้สีสะดุดตาเรียกหา ทักทาย เชื้อเชิญให้เทความสนใจ จนเกิดการติดตามและศึกษาทำความรู้ความเข้าใจ

กลับกันภาคเงานั้นคงหนีไม่พ้นศิลปะแบบอาร์วองการ์ด จากยุคปฏิวัติชนชั้นกรรมกร อาวองการ์ด (Avant-garde) ใน ภาษาฝรั่งเศสหมายถึง ทหารกองหน้า หรือ ผู้นำทางสังคม (แวนการ์ด) คำนี้มักใช้ในภาษาฝรั่งเศส อังกฤษ และเยอรมัน เพื่อหมายถึงผู้คนหรืองานที่เป็นแนวทดลองหรือแนวใหม่ โดยเฉพาะในทางศิลปะ วัฒนธรรม และการเมือง  อาวองการ์ดแสดงถึงการผลักดันขอบเขตที่เป็นที่ยอมรับกันทั่วไปว่าเป็นเรื่องปกติธรรมดา (norm) หรือสถานภาพปัจจุบัน (status quo) โดยเริ่มแรกในขอบเขตทางวัฒนธรรม ปลุกจิตสำนึกของรากเหง้าของความเป็นชาติ ผ่านงานศิลปะ แต่นัยยะของมันไม่ใช่การต่อต้าน ตั้งต้นเป็นปฏิปักษ์ ตามอย่างที่เคยถือธงนำ ผิดแผกไปเลยโดยเพิ่มมิติของศิลปะเข้าไป เน้นเสียดสี ยั่วล้อ ให้คิดตามและทำความเข้าใจอย่างง่าย

ข้าพเจ้าเห็นจำแนกเหตุในการยกเอาคู่ตรงข้ามของด้านในศิลปะมาประชันกันอย่างดาษดื่น ในโลกไซเบอร์ เป็นผลอันเนื่องมาจากแดด และ เงา ตามอย่างที่ได้กล่าวไปแล้วข้างต้น ความน่าสนใจอยู่ที่ผู้นำไปใช้มีความรู้เท่าถึงเพียงไรในการจะสื่อความหมาย มีความระวังไหวหรือการศึกษาเพียงไรจึงจะรู้ทราบว่าไม่ได้กระทำการลงไปให้ระคายเคืองกระทบชิ่งถึงตัวองค์กร สินค้า หรือสถาบันโดยเจตนาเพียงแค่เห็นเป็นเรื่อง เท่ห์ เก๋ ชิค(chic)   

ความน่าสนใจเพิ่งจะเริ่มเกิดมี จากนี้เราจะแอบติดตามดูอย่างเพลิดเพลิน

สัมภาษณ์ตัวเอง

ยังเรียบเรียงเรื่องที่จะเขียนไม่ออกจึงคิดว่าควรเริ่มต้นการกลับชาติมาบ่นใหม่ด้วย บทสัมภาษณ์ตัวเองคงหรูไม่เบาเผื่อมีวันไหนดัง หรือมีสาวออกมาแฉจะได้เตรียมคำตอบไว้แต่เนิ่น ๆ เริ่มกันเลยดีกว่า


1 Three things I can't leave without:

iPhone ::: ติดหนึบ เป็นนิยามที่ครอบคลุม
Star Soccer (รายวัน) ::: เอาเป็นว่ายอมอดข้าว ดีกว่าไม่ได้อ่านหนังสือเลยละกัน
เป้สะพายข้าง ::: ปีนึงหัวไหล่ห่างเป้ ไม่เกิน 20 วัน เอะอะหยิบเป้ไว้ก่อน

2 My secret talent is:

 การใช้ และเล่นกับตรรกะ

3 I love watching...

กีฬา ::: มันสร้างแรงบันดาลใจ และส่งต่อเล่าขานออกไปได้อย่างทรงพลังและไร้ขอบเขตจริงๆ

4 I cry when I watch...

หนัง ละคร ::: เผลอปล่อยอารมณ์ไหลตามไปได้ทุกทีสิน่า

5 My favourite song to sing in the shower is...

พรานล่อเนื้อ / หนึ่งมิตรชิดใกล้

6 I wish I had more...

ความอดทน และ "ตูด" เป็นสองอย่างที่ขาดอยู่ ถ้าได้อย่างเดียวขอ "ตูด" มาก่อนเลย ปัจจุบันนั่งแล้วเจ็บมาก

7 I like my girl to wear...

เสื้อเชิ้ตสีขาวตัวใหญ่ๆ ชุดนอนหลวม ๆ แขนเสื้อยาวกว่าแขนจริง

8 The best thing to do for a woman is...

ตั้งใจทำอะไรสักอย่าง ไม่สำคัญว่าจะเล็กหรือไร้เหตุผลแค่ไหนก็ตาม

9 The most important thing I learned from my father was...

การสังเกตุ ปฏิภาณ และทุกอย่างที่เป็นเรื่องดีในชีวิต

10 My favourite time of day is...

ช่วงเช้าอันสดชื่น ช่วงเย็นที่เหมาะกับทุกกิจกรรม และหัวค่ำอันแสนผ่อนคลาย