13.10.10

Fuckbook

"เราใจร้อน เราถูกปิดปากเงียบมานาน อยู่มาวันหนึ่งมี hi5 , facebook เราก็ระดมเหมือนท่อน้ำแตก"
รศ.อุบลรัตน์ ศิริยุวศักดิ์

         เคยพูดเล่น ๆ กันว่าต่อไปอาจอยู่ไม่ได้ถ้าไม่มีตัวตนใน network พูดอย่างนี้อาจจะงง เอาให้ง่ายขึ้นชัดขึ้นก็ต้องบอกว่า ในอนาคตเราจำเป็นต้องมีสองตัวตน หนึ่งคือตัวเราของเราจริง ๆ ที่สัมผัสแตะต้องได้ และอีกหนึ่งคือตัวตนที่อยู่ในโลกออนไลน์

         The matrix , Surrogate เป็นตัวอย่างหนังที่หยิบยกเรื่องที่กำลังจะกลายเป็นจริงมาเล่นล่วงหน้า ไม้ได้ล้อเล่นให้ตกใจ ทุกวันนี้ไม่ใช่ก็ใกล้เคียงมาก เอกสารราชการเกือบทั้งหมดถูกบันทึกลงในโลกไซเบอร์ ข้อมูลส่วนตัวก็เก็บโดยสมาร์ทการ์ด ตั้งแต่บัตรประจำตัวประชาชนยันใบขับขี่ การทำธุระกรรมการเงินผ่านธนาคารสามารถเรียกดู และจัดการได้ที่หน้าจอบนฝ่ามือด้วยซ้ำไป นั่นแปลได้ว่าเราจำเป็นต้องมีตัวตนในโลกออนไลน์ไปแล้วไม่ใช้หรอ หยิบ The Matrix มาดูใหม่ในวันนี้ก็ยิ่งสะท้อนใจปนหดหู่  เกิดความรู้สึกอยากไปยู่ในไซออน (Zion--The Matrix 2542) มากเสียเหลือเกิน แม้ต้องแลกกลับความสะดวกสบายหลายอย่างในชีวิต และความบันเทิงทั้งหลายจะหายวับไปกับตาก็ตามที  เทพยากรณ์ (The oracle) ให้ข้อเตือนใจสุดบรรเจิดว่า


99.9% ของปัจเจกชนยอมรับอาณัติ โดยยอมอยู่ภายใต้ระบบ
ตราบใดที่พวกเขายังมีโอกาสได้รับทางเลือก (Choices) ในหลากหลายแนวทาง
แม้จะเป็นทางที่ปราศจากหลักการและความเป็นไปได้อย่างที่สุด


        เห็นภาพสว่างวาบเข้ามาในหัวเลย ไอ้ Facebook นี่มันกลายเป็น ปากเสียงของคนไม่มีปากมีเสียง( Voice of Voiceless ) เพิ่มทางเลือกหรือช่องทางในการนำเสนอทั้งแนวความคิด ทั้งอัตลักษณ์(เฉพาะที่อยากให้สังคมรับรู้) การมีทางเลือกเพิ่มขึ้นในการนำเสนอตัวตนทั้งยังสามารถกำหนดภาพลักษณ์และทิศทางได้เองนั้นให้ความรู้สึกที่ดีแก่ผู้ใช้ สร้างความรู้สึกเหมือนมีทางเลือกเหมือนมีตัวตน ให้ความหลงใหลและคล้อยตาม ยอมรับโอกาสที่ระบบมอบให้ แน่สิ!! ตราบใดที่ยังอยู่ในเกมส์ เธอเหล่านั้นก็ยังเป็นผู้ได้รับโอกาสจากระบบ เพื่อใช้เป็นปากเป็นเสียง เป็นหน้าเป็นตา เป็นที่ยืนในสังคม(ที่สอง--ออนไลน์) แต่เมื่อไหร่เธอเพลี่ยงพล้ำ ถึงจะตาสว่างและรับรู้จนจบด้านว่าเธอก็เป็นเครื่องมือ เป็นตัวขับเคลื่อน โอเคกระแสที่เคลื่อนไปในทางดีก็มีถมถืด แต่กล้า ๆ หน่อยเหอะยอมรับมาเลยว่าเรื่องแย่ ๆ เน้นว่าของคนอื่นมันน่าสนใจกว่า หรือเธอจะเถียง

        จากลูกของแหม่ม คัทลียา มารถมินิของกรรชัย มากระสือนาธาน แฟนของพลอย Little Voice  ลูกของแอนนี่ เรื่อยมาจนถึงกรณีธัญญา นี่เขียนแบบส่งเดชคร่าว ๆ เท่าที่นึกได้ในฉับพลันนะ ไหนขอหน่อยไอ้ที่ดี ๆ ที่ช่วยกันขยายได้ขนาดนั้นแล้วสามารถนึกได้มาทันทีไม่พึ่ง google อ่ะ เท่าที่นึกรู้ก็แค่โครงการปลูกต้นไม้ของ ปตท. หนึ่งคนเขียนล้านคนอ่าน มันง่ายเสมอเวลาไม่ใช่เรื่องของตัวเอง ผลกระทบตกอยู่กับใคร สุดท้ายคิดเอาเอง ไม่ได้ต่อต้านแต่รู้สึกรำคาญบ้างวันละหลายครั้ง  ทุกวันนี้ก็ใช้อยู่นะ แต่อยากเตือนตัวเองไว้ดัง ๆ ว่าไม่เอานะแบบนั้น ไม่ยอมเป็นสื่อให้ใครตีกัน ไม่พาดพิงถึงใครไม่ว่าจะแย่แค่ไหน ระลึกไว้เลยว่าเรื่องของคนอื่น แปลว่า ตัวเองไม่เกี่ยว แค่สอดไปรู้ก็ทุเรศแล้ว Privacy แปลว่าส่วนตัว ไม่เกี่ยวว่าจะเป็น Public People ระดับ Super Star หรือสามล้อตัวประกอบก็ตาม

ที่ไหนไม่รู้แต่ในบ้านที่อยู่กันมา 26 ปี มีพื้นที่ส่วนตัวให้มากพอจะอยู่ต่อไปอย่างไม่เบื่อหน้ากัน

No comments:

Post a Comment