14.10.10

after 131010

33 คน

69 วัน

622 เมตร
ใต้พื้นดิน

นี่มันพล็อต (Plot) หนังฮอลลีวู้ดชัด ๆ แต่พระเจ้ามันเป็นเรื่องจริงว่ะ
(ในขณะที่เรากำลังสนใจเรื่องมหากาพย์เด็กสามเดือน และโคลงยาวสาวตาแขก)
คนงานเหมืองในชิลีต้องติดอยู่ใต้พื้นดินตั้งแต่หนึ่งอาทิตย์ก่อนวันแม่
ลึกตามระยะที่บอกกันไปแล้วน่ะแหละ
คิดยังไงก็น่ากลัว น่าวิตก และหดหู่แทนทั้งตัวผู้ประสบเองและครอบครัว
การช่วยเหลือน่ะหรอ ขอโทษกว่าจะรู้ว่ามีคนรอดอยู่ข้างใต้พื้นดินที่เราเหยียบน่ะ
ก็ผ่านไปแล้ว 17 วันเชียวนะ
เรามาลองจินตนาการดูว่าเป็นเราจะทำยังงัยวะเนี่ย

17 วัน  ก่อนที่จะมีคนรู้ว่าเราอยู่ลึกลงไปใต้ดินเกินครึ่งกิโล
อย่าว่าแต่ตะโกนเลย ต่อให้เปิดไซเรนยังไม่ได้ยินด้วยซ้ำไป
มนุษย์และสัตว์ทุกชนิดมีการเรียนรู้แบบที่เรียกว่า
เรียนรู้ที่จะสิ้นหวัง (Learned Helplessness)
คือ ถ้ารู้ว่าทำไปแล้วไร้ประโยชน์ไม่ได้ผลแน่นอน ก็จะเลิกพยายามกันดื้อ ๆ
คิดว่าหลายคนคงเป็น พูดแบบชาวบ้าน ๆ หน่อยก็ต้องเรียกว่า ถอดใจ นั่นแหละ
เวลาอย่างนั้นคงต้องอัญเชิญพระธรรมมาปลงกันอย่างเดียว
ก่อนหน้านี้เคยมีเด็กไม่ยอมกับชะตาชีวิต ถือรูปหนึ่งใบไล่ตามหาพ่อ
โดยถามเอาจากฝรั่งทั่วทั้งพัทยา จนเป็นข่าวใหญ่และท้ายที่สุดก็ได้เจอพ่อ (เคอิโงะ)
เด็กอีกคนทำลายความเชื่อเรื่องชาติพันธุ์ แสดงทั้งความรักในบ้านเกิด
และฝีมือที่มาจากการฝึกฝนแม้จะเป็นเรื่องที่คนอื่นมองว่าไร้สาระ (หม่อง--เครื่องบินกระดาษ)
แต่คราวนี้มันเกี่ยวพันถึงความเป็นความตายที่มองไม่เห็นแสงสว่างปลายอุโมงค์
ต่อให้มีใจเยอะเท่าหน้าทศกรรณฐ์ ไม่ว่าใครก็คงต้องขออนุญาติถอดใจไปตาม ๆ กัน
แต่ขอโทษ

 
"พ่อคนวัย 44 ปี ที่ทำงานเหมืองส่งลูกเรียนหมอในมหาวิทยาลัย
คุณพ่อลูกสาม ที่มีลูกอ่อน  วัยสองขวบรอรับกลับบ้าน
น้องชายผู้มีพี่เป็นแรงบันดาลใจและตามฝันมาทำงานเคียงบ่าเคียงไหล่กับพี่ชาย
ชายผู้ได้รับของขวัญวันเกิดสุดเซอร์ไพรซ์ เกือบ 700 เมตรใต้พื้นพิภพ
อดีตนักฟุตบอลท้องถิ่น ผู้หันมาทำงานเหมือง
พ่อลูกอ่อนที่ยังไม่เคยแม้แต่เห็นหน้าลูก
คุณปู่วัย 63 ผู้เป็นโรคปอด และเลื่อนจัดงานแต่งงานมาแล้วสองรอบ"

คนเหล่านี้อยู่ด้วยความหวังล้วน ๆ เปลี่ยนความหวังเป็นกำลังใจ
ส่งต่อขึ้นมาจากระยะกว่าครึ่งกิโลให้รู้สึกถึงได้เลย
เคยเครียดมาก ๆ เวลาเชียร์บอลทีมรักหรือน้องตัวเองแข่งกีฬา
โดยลืมนึกไปว่า หน้าที่เครียดน่ะ นักกีฬาแบกรับไปแล้ว
เราเป็นกองเชียร์ (Supporter) มีหน้าที่ง่าย ๆ คือ สนับสนุนสุดกำลัง
เอาให้มันสุด ๆ ไปเลย


 
เซอร์ บ็อบบี ชาร์ลตัน เชิญทั้ง 33 คน ไปดูบอลที่โอลด์ แทร็ฟฟอร์ด
(ตำนานทีมแมนยู--มีพ่อเป็นคนงานเหมืองถ่านหิน)

ดาบิด บีย่า กองหน้าทีมชาติสเปน มอบเสื้อพร้อมลายเซ็นต์เป็นของขวัญ
(ปู่เคยเป็นคนงานเหมือง)

บารัค โอบามา (USA) ,แองเจลา แมเคิล (GERMANY)
ยกย่องและสดุดีทั้ง 33 คน เยี่ยงวีรบุรุษ

ทีวีค่ายต่างๆ เสนอเงินถึง 250,000 ปอนด์ สำหรับคนงานแต่ละคนในการสัมภาษณ์
มีข้อเสนอโฆษณา ตั้งแต่เบียร์ไปจนถึงโฆษณาวิตามิน


เงินทองดูเหมือนจะธรรมดาไปแล้วกับผู้ก้าวผ่านประตูนรกมาได้
เมื่อรู้สึกได้ถึงสิ่งดี ๆ ตอนเป็นผู้รับ ก็จึงอยากเป็นผู้ให้

คนงานเหมืองเหล่านี้เตรียมแผนเอาไว้ว่าจะตั้งมูลนิธิ นำประสบการณ์รายวันที่ใต้ดินมาเขียนหนังสือ 1 เล่ม และโครงการอื่นๆอีก เช่น แผนการตั้งมูลนิธิของคนงานเหมือง

หันมารักกันซะทีเถอะ อย่ารอให้เกิดวิกฤติแล้วถึงจะสร้างโอกาส
และเมื่อไรที่ท้อใจช่วยนึกถึงเหตุการณ์นี้ไว้ เอากำลังใจจากคนเหล่านี้ไปใช้ตามสบาย

6 comments:

  1. รักกัน รักกัน...

    ความรัก มีหลายแบบที่เราจะแสดงให้คนที่เรารัก
    บางทีเราคิดว่าสิ่งนี้แหละที่เราทำไปเพราะว่าเรารัก เราเป็นห่วง ที่เราคิดที่เราทำมันเหมาก มันควรแล้ว

    แต่คนที่ได้รับกลับมองเป็นอีกแบบนึง
    บางทีเราท้อใจ แต่คิดไปคิดมา ไม่เหตุผลอื่นที่เราทำ

    เพราะรัก แต่ความคิดเห็น เหตุผล และสถานการณ์ ของเราไม่ตรงกัน






    จงรัก และศรัทธา กับคนที่เรารัก และสิ่งที่เราทำให้





    สักวัน เค้าเหล่านั้นจะเข้าใจเรา และรักกันมากขึ้นกว่าเดิม




    ปล.เหมือนจะร้าย แต่ก้ แคร์ความรูสึกทุกคนนะเว่ย ทุกอย่างที่ทำ ไม่ใช่ไม่คิด รู้ว่าโตแล้ว เลยคิดไง ถ้าเป็นเมื่อก่อน คงเหวี่ยงเยอะก่านี้อีก


    รักแกนังพี่ชาย

    ReplyDelete
  2. มันเหมือนว่า ชะตายังไม่ถึงไง ทุกคนที่รอดมาเรียกได้ว่ายิ่งกว่าปาฏิหารย์

    คนเราจะมีสักกี่ครั้งที่ได้รับโอกาศมีชีวิตอยู่ต่อได้แบบนี้

    เราเองบางทีไม่ต้องรอ ใครมาพิพากษาหรอก

    ชีวิตเราคงไม่มีใครให้โอกาศการมีชีวิตได้แบบนี้ ทุกวันคือโอกาศที่เราได้รับ

    คงต้องใช้โอกาศนั้น แบบเต็มที่

    ReplyDelete
  3. เรื่องโอกาส กับความรักนี่
    ดูเข้ากันได้ดียิ่งกว่าหอยนางรมกับกระถินซะอีก
    ตอนนี้เข็ดเขี้ยวเหลือเกิน กับความรัก
    พูดไปโอตะคงหัวเราะเยาะในที

    ความจริงอย่างยิ่งที่ท้ายสุดแล้ว
    ก็เหลือแค่เพียงตัวเรา


    มีกันสองพี่น้องเนี่ยล่ะดีที่สุดแล้ว

    ReplyDelete
  4. กรูก็ว่างั้น แต่ยังไงเพื่อนของเมิง ก็ยังเป็นเพื่อน

    เหมือนอย่างที่เปเล่บอก "กูมีเพื่อนที่คบกันมาขนาดนี้ ก็ไม่อยากไปเริ่มต้นคบใครใหม่"

    ไม่มีใครคาดหวัง ไม่ใช่เค้าลืมนะ ตุน ตุน

    ReplyDelete
  5. ร่วมหัวจมท้ายโว้ยยยยยยย

    กูมีเพื่อนดีขนาดนี้
    ก็ไม่อยากมีเพิ่มมันขึ้นมาดื้อ ๆ เหมือนกัน

    น้ำตาเปียกคีย์บอร์ดเลยว่ะ
    รักพวกมึงทุกคนเลย

    ReplyDelete
  6. หอยนางรมกับกระถิน อร่อยยยยโคดดดดดอ่ะ!!*_*))
    วทว.เรียนรู้ที่จะสิ้นหวังเร็วไปหน่อยยยยยยยย
    เข็ด?? ไม่จริงมั้งงงงง 555??
    สู้ๆละกัน เด๋วก็ดีนะ มีไรมั่งที่ไม่ดี :)

    ReplyDelete