ไม่คิดเลยว่าตัวเองจะเป็นเอามากถึงขนาดนี้
เมื่อคืนไปงานแต่งหรูๆในกรุง เห็นทุกอย่างตามขนบสมัยนิยมเค้าชอบกัน organizer จัดงานเนี้ยบ อาหารไม่อั้น พิธีไม่บกพร่อง แต่เรากลับรู้สึกว่ามันเขินๆ มันเหงา และแข็งๆ เหมือนจัดให้คนอื่นดู อารมณ์มันรวนไปหมดเลย ซึ้งก็ซึ้งนะแต่ก็มีรู้สึกปลอมๆปนเข้ามา เหมือนจัดมาแล้วว่าตรงนี้ต้องซึ้ง ตรงนี้พีคนะคะ ประมาณนักแสดงซ้อมมา
สำหรับชีวิตตัวเอง(หมายความถึงแค่ตัวเองจริงๆนะ) คิดว่าเหลืองานใหญ่ในชีวิตอีกแค่สองงาน งานแต่ง กับงานศพ อันหลังนี่ได้แค่เตรียมไว้ ไม่น่าได้ไปร่วมงาน (ขืนดันทุลังตะออกมารับแขกในงานหลังนี่คงน่ากลัวพิลึก) โอเค หยุดตลกก่อน มาคุยเรื่องงานแรกกัน เป็นที่แน่นอนแล้วว่ามันต้องเกิดขึ้น ทีนี้มันควรจะออกมาหน้าตาเป็นยังไง พิธีการจ๋า มี vdo presentation สวยๆ ขับเน้นที่คู่บ่าวสาว แบบสมัยนิยม หรือเรียบง่ายพอเป็นพิธี คิดวนไปวนมา(ระหว่างตักบุฟเฟต์ในงานกิน) เหลือบไปเห็นผู้ปกครองบ่าวสาวและเพื่อนๆเค้าถ่ายรูปกัน ถ่ายเสร็จก็บูมเสียงดัง กระจ่างใจเลย นี่มันงานเลี้ยงรุ่นที่มีลูกบังหน้านี่หว่า 55555 หัวใจร่ำร้องเลยฮะ จะเอางานแบบนี้ งานที่ตอบแทนคนที่เลี้ยงเรามา งานที่มีไว้ขอบคุณสิ่งแวดล้อม ที่ปั้นให้เราเป็นเรา งานที่เอาไว้ไปอ้างมาสังสรรค์กัน
#ยิ้มกว้างแล้วกดมือถือเซลฟี่กับพวกลุงเค้าเบาๆ
เสียดายแทน ที่ไม่ได้มาดูงาน ที่ไม่มีพรีเซนเตชั่น เจ้าบ่าวแม่งใช้ตัวเองเล่ามุขแทน
ReplyDeleteงานที่เปิดตัวเจ้าบ่าวด้วยโรบอทแดนซ์ แถมลูกสมุนเดินซอมบี้ตามหลัง
งานที่เจ้าสาว ละเอียดเรื่องธีมแม้กระทั่งกระดาษเช็ดปากบนโต๊ะ
ขนมเค้กถูกแทนที่ด้วยซาลาเปาแฟนซี จุดไฟเย็นแทนจุดเทียน
เจ้าบ่าวแม่งโยน ตุ๊กตาusb ที่มีหนังโป๊ (เพื่อนเจ้าบ่าวที่เมียกำลังท้องอ่อนๆได้ไปหวะ555)
งานนี้แม่งไม่รู้ แต่แม่งเท่ห์สัสสส