16.10.11





หล่อมาก รูปแรกบนโฟโต้บูท บนฐาน "ผู้จัดการ"

7.9.11

ทอดถอน (18 มีนา 2011)

กำลังนั่งเล่นเพลิน เพลิน แล้วดันเหวี่ยงสายตาไปเห็น ตู้ปลาขนาดใหญ่ภายในมีปลามังกร ว่ายวนเล่นอย่างเย็นใจ สีหน้าท่าทางดูสง่า น่าเกรงขาม ไม่รู้ในสัตว์น้ำเรียกกันว่าอย่างไร สำหรับมนุษย์อย่างชาวเรา คำว่า "องอาจ" น่าจะถ่ายทอดอากัปกิริยาออกมาได้ตรงถ้อย ที่สุดแล้ว ส่วนตัวคิดว่าเจ้าปลาคงชอบมากกว่าคำว่า "สง่า" (ที่เคยใช้ไปแล้วในบรรทัดต้นๆ ทั้งยังเคยได้ยินหลายคนใช้วิเศษนี้ขยายภาพลักษณ์ของสัตว์ นานาชนิด) ก็นะเจ้า "สง่า" มักเขียนวลีตามว่า "ผ่าเผย" หากเราเป็นเจ้าปลาได้ฟังรู้คงสะดุ้งใจพิลึก

ในขณะที่กำลังเจริญ ตา(เพียงอย่างเดียว)กับการว่ายไปมาอย่างองอาจ สายตาข้าพเจ้าก็ลดต่ำลงมาตรงมุมขอบตู้ กระดาษใบไม่เล็กถูกพิมพ์ขึ้นอย่างตั้งใจ เคลือบด้วยลามิเนตอย่างดี บรรจงจูบแนบชิดติดกับกระจกที่กั้นระหว่างข้าพเจ้ากับเจ้าปลามังกร

รกตาหรือ? ปล่าวเลย
ออกแบบแย่งั้นรึ? ก็ไม่ถึงขั้นนั้น

เพียง แต่แค่รู้สึกแปลกและคิดว่าเดิมควรจะถูกพิมพ์ว่า "กรุณาอย่าจับตู้ปลา" หรือไม่ก็ "อย่าเคาะกระจกเดี๋ยวปลาตกใจ" มิใช่หรือ ควรจะเป็นข้อความในท่วงทำนองของการดูแล เอาใจใส่ ปกป้องแสดงออกซึ่งความหวงแหนในสัตว์เลี้ยงราคาแพง ในเพื่อนคลายเหงามิใช่หรือ ข้อความที่ปรากฎสะกิดเตือนให้นึกถึงหลักภาษา แต่ข้าพเจ้าว่ามันชัดเจนเกินไปที่จะอ่านผิด ถ้าอย่างนั้นคงต้องจับใจความกันที่เจตนา

ข้อความสามบรรทัดนั้นแสดง เจตนาชัดว่าอยากจะสื่อสารกับผู้อื่นหาใช่เจ้าปลาราคาแพง ปลามังกรตัวนั้นที่วัน วัน มีแต่ว่ายโชว์ความองอาจ จะมีโอกาสอันใดเล่าที่จะเข้าถึงสารที่ถูกนำมาแปะประกาศ หนทางที่จะได้เห็นว่ายากแล้ว การทำความเข้าใจยิ่งเป็นไปไม่ได้ แอบคิดในทีว่าถ้ามันอ่านออกก็คงไม่อยากเห็นอยู่ดี ตรงนี้กระมังที่ข้าพเจ้าใจหาย อารมณ์ประมาณถึงเข้าใจความหมายก็รับไม่ได้ด้วยความรู้สึก ข้าพเจ้าทอดสายตาเนิบช้าเหลือบมองอีกคราแบบชัดๆ

"ขายปลามังกร 250,000
พร้อมตู้+อุปกรณ์
ติดต่อ 08-xxxx-xxxx"

ถูก เพื่อนรัก ,คู่ชีวิต ,คนดูแล มาลอบตีจาก ประกาศอย่างจะแจ้ง ผู้ที่จะได้รับรู้เป็นสุดท้ายคือตัวมันนั่นเอง ถึงอย่างนั้นถามใจข้าพเจ้า ก็คงทำเช่นมัน เมินใส่ความรู้สึกสูญเสียนั้นหรือ หาใช่ไม่ เแต่เพียงทำตามในสิ่งที่คิดว่าดีที่สุดจนถึงที่สุด คือได้แค่ว่ายต่อไปอย่างองอาจ คาดหวังความเสียดายในวาระสุดท้าย และหรือความเสียใจเมื่อจากไปแล้วให้หวนคนึง ความเศร้าที่คะเนคงไม่บังเกิด เพราะปลาไม่ใช่รู้ภาษาคน ข้าพเจ้าที่เหมือนสุขดีอยู่ทุกวันจะต่างอันใดกันเล่า เมื่อไม่มีวันจะเข้าถึงจิตใจเจ้าของ ดั่งเช่นปลาไม่รู้ภาษามนุษย์


ฤๅตอนนี้หน้าตู้ของฉันก็มีกระดาษแบบเดียวกันแปะอยู่...

26.8.11

ความเป็นไทย

"ผมอยากจะเดาด้วยว่า ความเป็นไทยที่ถูกท้าทายนี้กระทบต่อชนชั้นนำยิ่งกว่าใคร เพราะบทบาทที่เคยกุมการนิยามความเป็นไทยหลุดจากมือชนชั้นนำไปอย่างฉับพลัน คล้ายกับอะไรที่เกิดขึ้นในสมัยสงครามโลกครั้งที่ 2 คืออำนาจนำในการนิยามความเป็นไทย ตกไปอยู่ในมือของ จอมพล ป.พิบูลสงคราม ไม่ว่าจะเป็นการแต่งกาย, อักขรวิธี, การพูดจา, และศิลปะการแสดง แต่ครั้งนี้คนที่แย่งชิงการนิยามความเป็นไทยไปกลับเป็นคนไร้หัวนอนปลายตีน..."


นิธิ เอียวศรีวงศ์ 
23 สิงหาคม พ.ศ. 2554
By : matichon.co.th


ปล.(ส่วนตัว) อยากให้ไปติดตามอ่านฉบับเต็ม ความเข้มข้นในตอนท้ายชวนให้ตบเข่าฉาด และหัวร่อออกมาอย่างท่าทีของชนชั้นสูง(ผู้ขาดสามัญสำนึกในกำพืด)

25.8.11

Red Guard


ถ้าเชื่อตาม อูไกว่ (อาจารย์ของแพนด้าโป) ที่เคยร่ำว่า "ไม่มีเหตุบังเอิญในโลก" การพบเห็นสิ่งทำคล้าย เจตนา หรือจงใจให้เหมือน วัฒนธรรม/ศิลปะ แบบหลังม่านเหล็ก(ในโซเวียตรัสเซีย) อย่างบ่อยถี่ช่วงนี้ คงต้องมีสาเหตุที่มาที่ไปสินะ

ความนิยมล้อเลียนศิลปะแบบคอมมิวนิสต์ (เฉพาะเจาะจงไปที่ Propaganda Poster) มีตั้งแต่ไหนไม่ทันสังเกตุ หากถามเอาทัศนะส่วนตัว ความทรงจำไกลที่สุดที่ระลึกได้ พาลให้วลีที่เคยได้ยินลอยมา เบา เบา

"แดดแรงเท่าไร เงาก็ยิ่งชัดเข้มเท่านั้น"

ภาพกราฟฟิคกลับมามีอิทธิผลโดยไม่เพียงส่งผ่านจากโปสเตอร์ กลับทำตัวเหนือกว่านั้นด้วยยืมมือสื่อในเครือข่ายอินเทอร์เน็ต(Social Network)เสียเลย ในการหาเสียงของ มิสเตอร์โอบามา เลือกฉวยเอาวัฒนธรรมป็อปอาร์ท(Pop-Art) ในนามตัวพ่อของภาพแนวฉูดฉาดอย่าง แอนดี้ วอฮอลล์ มาเป็นหัวหอก นี่ถือประหนึ่งเป็นแดดอันแรงแผดจ้าในวันฟ้าหม่นของคนอเมริกา ภาพลักษณ์ของคนหัวใหม่ ความหวัง แรงบันดาลใจ และแน่นอนสื่อสารตรงกลุ่ม ความฉูดฉาดของการใช้สีสะดุดตาเรียกหา ทักทาย เชื้อเชิญให้เทความสนใจ จนเกิดการติดตามและศึกษาทำความรู้ความเข้าใจ

กลับกันภาคเงานั้นคงหนีไม่พ้นศิลปะแบบอาร์วองการ์ด จากยุคปฏิวัติชนชั้นกรรมกร อาวองการ์ด (Avant-garde) ใน ภาษาฝรั่งเศสหมายถึง ทหารกองหน้า หรือ ผู้นำทางสังคม (แวนการ์ด) คำนี้มักใช้ในภาษาฝรั่งเศส อังกฤษ และเยอรมัน เพื่อหมายถึงผู้คนหรืองานที่เป็นแนวทดลองหรือแนวใหม่ โดยเฉพาะในทางศิลปะ วัฒนธรรม และการเมือง  อาวองการ์ดแสดงถึงการผลักดันขอบเขตที่เป็นที่ยอมรับกันทั่วไปว่าเป็นเรื่องปกติธรรมดา (norm) หรือสถานภาพปัจจุบัน (status quo) โดยเริ่มแรกในขอบเขตทางวัฒนธรรม ปลุกจิตสำนึกของรากเหง้าของความเป็นชาติ ผ่านงานศิลปะ แต่นัยยะของมันไม่ใช่การต่อต้าน ตั้งต้นเป็นปฏิปักษ์ ตามอย่างที่เคยถือธงนำ ผิดแผกไปเลยโดยเพิ่มมิติของศิลปะเข้าไป เน้นเสียดสี ยั่วล้อ ให้คิดตามและทำความเข้าใจอย่างง่าย

ข้าพเจ้าเห็นจำแนกเหตุในการยกเอาคู่ตรงข้ามของด้านในศิลปะมาประชันกันอย่างดาษดื่น ในโลกไซเบอร์ เป็นผลอันเนื่องมาจากแดด และ เงา ตามอย่างที่ได้กล่าวไปแล้วข้างต้น ความน่าสนใจอยู่ที่ผู้นำไปใช้มีความรู้เท่าถึงเพียงไรในการจะสื่อความหมาย มีความระวังไหวหรือการศึกษาเพียงไรจึงจะรู้ทราบว่าไม่ได้กระทำการลงไปให้ระคายเคืองกระทบชิ่งถึงตัวองค์กร สินค้า หรือสถาบันโดยเจตนาเพียงแค่เห็นเป็นเรื่อง เท่ห์ เก๋ ชิค(chic)   

ความน่าสนใจเพิ่งจะเริ่มเกิดมี จากนี้เราจะแอบติดตามดูอย่างเพลิดเพลิน

สัมภาษณ์ตัวเอง

ยังเรียบเรียงเรื่องที่จะเขียนไม่ออกจึงคิดว่าควรเริ่มต้นการกลับชาติมาบ่นใหม่ด้วย บทสัมภาษณ์ตัวเองคงหรูไม่เบาเผื่อมีวันไหนดัง หรือมีสาวออกมาแฉจะได้เตรียมคำตอบไว้แต่เนิ่น ๆ เริ่มกันเลยดีกว่า


1 Three things I can't leave without:

iPhone ::: ติดหนึบ เป็นนิยามที่ครอบคลุม
Star Soccer (รายวัน) ::: เอาเป็นว่ายอมอดข้าว ดีกว่าไม่ได้อ่านหนังสือเลยละกัน
เป้สะพายข้าง ::: ปีนึงหัวไหล่ห่างเป้ ไม่เกิน 20 วัน เอะอะหยิบเป้ไว้ก่อน

2 My secret talent is:

 การใช้ และเล่นกับตรรกะ

3 I love watching...

กีฬา ::: มันสร้างแรงบันดาลใจ และส่งต่อเล่าขานออกไปได้อย่างทรงพลังและไร้ขอบเขตจริงๆ

4 I cry when I watch...

หนัง ละคร ::: เผลอปล่อยอารมณ์ไหลตามไปได้ทุกทีสิน่า

5 My favourite song to sing in the shower is...

พรานล่อเนื้อ / หนึ่งมิตรชิดใกล้

6 I wish I had more...

ความอดทน และ "ตูด" เป็นสองอย่างที่ขาดอยู่ ถ้าได้อย่างเดียวขอ "ตูด" มาก่อนเลย ปัจจุบันนั่งแล้วเจ็บมาก

7 I like my girl to wear...

เสื้อเชิ้ตสีขาวตัวใหญ่ๆ ชุดนอนหลวม ๆ แขนเสื้อยาวกว่าแขนจริง

8 The best thing to do for a woman is...

ตั้งใจทำอะไรสักอย่าง ไม่สำคัญว่าจะเล็กหรือไร้เหตุผลแค่ไหนก็ตาม

9 The most important thing I learned from my father was...

การสังเกตุ ปฏิภาณ และทุกอย่างที่เป็นเรื่องดีในชีวิต

10 My favourite time of day is...

ช่วงเช้าอันสดชื่น ช่วงเย็นที่เหมาะกับทุกกิจกรรม และหัวค่ำอันแสนผ่อนคลาย

23.10.10

the yers



การสื่อสาร The Yers
เชิญทัศนาพลางคิดตาม

---------------------------------------
ใจเราคิดตรงกันแล้ว ใจเราคิดตรงกัน
ฉันคอยบอกเธอประจำ ทำไมไม่เคยรู้
บอกเธอย้ำเตือนเธอแล้ว บอกเธอย้ำเตือนเธอ
คอยบอกเธอประจำ ที่ข้างหู
ต้องทนกับความทรมาณ ต้องทนกับการสื่อสารที่ไม่เข้าใจ
ปล่อยกายและใจให้เบิกบาน อย่ากลัวเถอะฉันไม่ทำร้ายใคร
หากว่านิ่งฉันไม่แคร์ไม่ใส่ใจ เธอคงไม่รู้ความจริงเป็นอย่างไร
ได้แต่เสียใจ… และเมื่อเธอรับข้อความที่ส่งไป
เธอจะได้เห็น รักฉันที่ข้างใน อยู่เต็มหัวใจ ไม่เคยจะแบ่งให้ใคร……


-----------------------------------------------

14.10.10

after 131010

33 คน

69 วัน

622 เมตร
ใต้พื้นดิน

นี่มันพล็อต (Plot) หนังฮอลลีวู้ดชัด ๆ แต่พระเจ้ามันเป็นเรื่องจริงว่ะ
(ในขณะที่เรากำลังสนใจเรื่องมหากาพย์เด็กสามเดือน และโคลงยาวสาวตาแขก)
คนงานเหมืองในชิลีต้องติดอยู่ใต้พื้นดินตั้งแต่หนึ่งอาทิตย์ก่อนวันแม่
ลึกตามระยะที่บอกกันไปแล้วน่ะแหละ
คิดยังไงก็น่ากลัว น่าวิตก และหดหู่แทนทั้งตัวผู้ประสบเองและครอบครัว
การช่วยเหลือน่ะหรอ ขอโทษกว่าจะรู้ว่ามีคนรอดอยู่ข้างใต้พื้นดินที่เราเหยียบน่ะ
ก็ผ่านไปแล้ว 17 วันเชียวนะ
เรามาลองจินตนาการดูว่าเป็นเราจะทำยังงัยวะเนี่ย

17 วัน  ก่อนที่จะมีคนรู้ว่าเราอยู่ลึกลงไปใต้ดินเกินครึ่งกิโล
อย่าว่าแต่ตะโกนเลย ต่อให้เปิดไซเรนยังไม่ได้ยินด้วยซ้ำไป
มนุษย์และสัตว์ทุกชนิดมีการเรียนรู้แบบที่เรียกว่า
เรียนรู้ที่จะสิ้นหวัง (Learned Helplessness)
คือ ถ้ารู้ว่าทำไปแล้วไร้ประโยชน์ไม่ได้ผลแน่นอน ก็จะเลิกพยายามกันดื้อ ๆ
คิดว่าหลายคนคงเป็น พูดแบบชาวบ้าน ๆ หน่อยก็ต้องเรียกว่า ถอดใจ นั่นแหละ
เวลาอย่างนั้นคงต้องอัญเชิญพระธรรมมาปลงกันอย่างเดียว
ก่อนหน้านี้เคยมีเด็กไม่ยอมกับชะตาชีวิต ถือรูปหนึ่งใบไล่ตามหาพ่อ
โดยถามเอาจากฝรั่งทั่วทั้งพัทยา จนเป็นข่าวใหญ่และท้ายที่สุดก็ได้เจอพ่อ (เคอิโงะ)
เด็กอีกคนทำลายความเชื่อเรื่องชาติพันธุ์ แสดงทั้งความรักในบ้านเกิด
และฝีมือที่มาจากการฝึกฝนแม้จะเป็นเรื่องที่คนอื่นมองว่าไร้สาระ (หม่อง--เครื่องบินกระดาษ)
แต่คราวนี้มันเกี่ยวพันถึงความเป็นความตายที่มองไม่เห็นแสงสว่างปลายอุโมงค์
ต่อให้มีใจเยอะเท่าหน้าทศกรรณฐ์ ไม่ว่าใครก็คงต้องขออนุญาติถอดใจไปตาม ๆ กัน
แต่ขอโทษ

 
"พ่อคนวัย 44 ปี ที่ทำงานเหมืองส่งลูกเรียนหมอในมหาวิทยาลัย
คุณพ่อลูกสาม ที่มีลูกอ่อน  วัยสองขวบรอรับกลับบ้าน
น้องชายผู้มีพี่เป็นแรงบันดาลใจและตามฝันมาทำงานเคียงบ่าเคียงไหล่กับพี่ชาย
ชายผู้ได้รับของขวัญวันเกิดสุดเซอร์ไพรซ์ เกือบ 700 เมตรใต้พื้นพิภพ
อดีตนักฟุตบอลท้องถิ่น ผู้หันมาทำงานเหมือง
พ่อลูกอ่อนที่ยังไม่เคยแม้แต่เห็นหน้าลูก
คุณปู่วัย 63 ผู้เป็นโรคปอด และเลื่อนจัดงานแต่งงานมาแล้วสองรอบ"

คนเหล่านี้อยู่ด้วยความหวังล้วน ๆ เปลี่ยนความหวังเป็นกำลังใจ
ส่งต่อขึ้นมาจากระยะกว่าครึ่งกิโลให้รู้สึกถึงได้เลย
เคยเครียดมาก ๆ เวลาเชียร์บอลทีมรักหรือน้องตัวเองแข่งกีฬา
โดยลืมนึกไปว่า หน้าที่เครียดน่ะ นักกีฬาแบกรับไปแล้ว
เราเป็นกองเชียร์ (Supporter) มีหน้าที่ง่าย ๆ คือ สนับสนุนสุดกำลัง
เอาให้มันสุด ๆ ไปเลย


 
เซอร์ บ็อบบี ชาร์ลตัน เชิญทั้ง 33 คน ไปดูบอลที่โอลด์ แทร็ฟฟอร์ด
(ตำนานทีมแมนยู--มีพ่อเป็นคนงานเหมืองถ่านหิน)

ดาบิด บีย่า กองหน้าทีมชาติสเปน มอบเสื้อพร้อมลายเซ็นต์เป็นของขวัญ
(ปู่เคยเป็นคนงานเหมือง)

บารัค โอบามา (USA) ,แองเจลา แมเคิล (GERMANY)
ยกย่องและสดุดีทั้ง 33 คน เยี่ยงวีรบุรุษ

ทีวีค่ายต่างๆ เสนอเงินถึง 250,000 ปอนด์ สำหรับคนงานแต่ละคนในการสัมภาษณ์
มีข้อเสนอโฆษณา ตั้งแต่เบียร์ไปจนถึงโฆษณาวิตามิน


เงินทองดูเหมือนจะธรรมดาไปแล้วกับผู้ก้าวผ่านประตูนรกมาได้
เมื่อรู้สึกได้ถึงสิ่งดี ๆ ตอนเป็นผู้รับ ก็จึงอยากเป็นผู้ให้

คนงานเหมืองเหล่านี้เตรียมแผนเอาไว้ว่าจะตั้งมูลนิธิ นำประสบการณ์รายวันที่ใต้ดินมาเขียนหนังสือ 1 เล่ม และโครงการอื่นๆอีก เช่น แผนการตั้งมูลนิธิของคนงานเหมือง

หันมารักกันซะทีเถอะ อย่ารอให้เกิดวิกฤติแล้วถึงจะสร้างโอกาส
และเมื่อไรที่ท้อใจช่วยนึกถึงเหตุการณ์นี้ไว้ เอากำลังใจจากคนเหล่านี้ไปใช้ตามสบาย