4.5.12

ข้าวซอย

กำลังมีความสนใจตามรอยอาหาร อาศัยยืมแรงบันดาลใจจากบทความของพี่ผู้ชักนำ(ปรากฎเป็นบทความในเบื้องล่าง) จะไม่เยิ่นเย่อให้เสียเวลาขอถือบทความถัดจากนี้เป็นบทเกริ่นนำเพื่อการสืบเสาะและถกเถียงในวาระถัดไป เริ่มไปแล้วอย่างเผลอตัว...


ประวัติข้าวซอย
(ณริสสร สมสวัสดิ์)
เป็นความสงสัยส่วนตัวมานานแล้วว่าข้าวซอยนั้นมีที่มาจากที่ใด ที่สงสัยก็เพราะลักษณะและเครื่องปรุงนั้นแตกต่างจากอาหารชาวไทยล้านนาโบราณโดยสิ้นเชิงนับตั้งแต่ กะทิ ไปจนถึงบะหมี่เส้นแบนๆ ที่เรียกกันว่าเส้นข้าวซอย หน่ำซ้ำข้าวซอยเก่าแก่หลายเจ้าในเชียงใหม่ก็มักทำโดยชาวมุสลิม และติดป้ายอาหารฮาลาลซะหยั่งงั้น แบบที่ว่าไม่เคยเห็นอาหารเหนืออื่นไดที่ได้รับเกียรติในลักษณะเดียวกัน เคยสอบถามผู้เฒ่าผู้แก่ว่าได้กินข้าวซอยตั้งแต่รุ่นปู่ย่า หรือมีกันมาเป็นร้อยปีแล้วหรือไม่ส่วนใหญ่ก็ส่ายหน้าเพราะเท่าที่หลายคนจำได้ข้าวซอยก็ไม่ได้มีมานานขนาดนั้น หรือออกไปชนบทนอกตัวเมืองก็หาข้าวซอยกินยากมากหรือถ้ามีก็ทำไม่ครบสูตรและไม่อร่อย สรุปเอาง่ายๆว่าเป็นที่นิยมและเป็นสูตรเฉพาะของคนในเมืองมากกว่า
ลองสืบค้นดูจึงพอได้ความว่าข้าวซอยนั้นเป็นอาหารของชาวสิบสองปันนา และอาจแพร่หลายขึ้นไปจนถึงยูนนาน และแพร่หลายเข้าสู่ล้านนาตั้งแต่ในยุคที่ล้านนามีการทำการค้ากับจีนยูนนานผ่านพ่อค้าชาวจีนฮ่อ หรือที่เรียกว่าจีนมุสลิมโดยในช่วงกว่าร้อยปีที่แล้วพ่อค้าเหล่านี้เดินทางมาค้าขายกับล้านนาปีละ 1 ครั้ง และเลิกค้ากับล้านนาไปเมื่อราว 70-80 ปีที่ผ่านมานี้เองหลังมีการสร้างเส้นทางรถไฟขึ้นมาเชียงใหม่ปี2464 และมีการตัดถนนขึ้นสู่ภาคเหนือในช่วงหลังปี2490 เราหันไปค้าขายกับกรุงเทพแทนและการค้าเส้นทางดังกล่าวหมดบทบาทไป
อย่างไรก็ดีร่องรอยของคนเหล่านี้ก็ยังคงมีให้เห็นในล้านนามากมายนับตั้งแต่ชาวฮ่อที่อพยพมาตั้งรกรากในเชียงใหม่และจังหวัดอื่นๆในภาคเหนือไปจนถึงข้าวซอย อย่างไรก็ตามข้าวซอยของชาวฮ่อนั้นก็ยังไม่ใช่ข้าวซอยในแบบที่เรารู้จักกันในปัจจุบันกล่าวคือมิได้ใส่กะทิ แต่ความเข้มข้นของน้ำซุปจะได้จากถั่วหมักและน้ำพริก ข้าวซอยในรูปแบบนี้ยังคงมีในปัจจุบันแต่เรียกว่าข้าวซอยฮ่อ หรือบ้างก็เรียกข้าวซอยสิบสองปันนา แล้วข้าวซอยที่ฮิตๆของเรามาจากไหน??



ข้าวซอยฮ่อ

ออกตัวก่อนว่าข้อสรุปนี้อาจไม่ถูกต้องร้อยเปอร์เซ็น แต่พิจารณาดูแล้วสันนิษฐานว่า ในช่วง 80-90 ปีที่ผ่านมาชาวมุสลิมจากภาคกลางของไทยได้อพยพขึ้นมายังภาคเหนือของไทย และเข้าใจว่าคงมีการปรับปรุงข้าวซอย อาหารของจีนมุสลิมเข้ากับก๋วยเตี๋ยวแกงหรือก๋วยเตี๋ยวแขกแบบมุสลิมในภาคกลาง เหตุที่ทำให้คิดดังนี้ก็เพราะ ทั้งก๋วยเตี๋ยวแกงและข้าวซอยต่างมีส่วนผสมแล้วรสชาติที่ใกล้เคียงกันอย่างมาก ทั้งการใช้ผงกระหรี่ พริกแกง ขิง และกะทิ ยิ่งไปกว่านั้นเรายังพบว่าร้านขายข้าวซอยหลายแห่งในเชียงใหม่และจังหวัดใกล้เคียงยังมีการขายก๋วยเตี๋ยวแกงควบคู่ไปกับการขายข้าวซอย



ก๋วยเตี๋ยวแกง

จากที่ว่ามาทั้งหมดน่าจะได้ข้อสรุปว่าข้าวซอยนี้เรานำเข้ามาจากต่างแดน แต่ปรับปรุงสูตรใหม่เกือบทั้งหมดในล้านนานี่เอง เข้าใจว่าน่าจะในเชียงใหม่หรือลำปางซึ่งเป็นแถบที่มีชาวมุสลิมอาศัยอยู่มาก จนเกิดเป็นอาหารรสเข้มถูกใจใครหลายคน ทั้งเป็นหน้าตาของเมืองเหนือที่สะท้อนถึงการเป็นเมืองสิบสองภาษา หรือเมืองที่มีผู้คนหลากหลายชาติพันธ์อาศัยอยู่ร่วมกันอย่างสงบสันติตั้งแต่อดีตจนถึงปัจจุบัน...

16.10.11





หล่อมาก รูปแรกบนโฟโต้บูท บนฐาน "ผู้จัดการ"

7.9.11

ทอดถอน (18 มีนา 2011)

กำลังนั่งเล่นเพลิน เพลิน แล้วดันเหวี่ยงสายตาไปเห็น ตู้ปลาขนาดใหญ่ภายในมีปลามังกร ว่ายวนเล่นอย่างเย็นใจ สีหน้าท่าทางดูสง่า น่าเกรงขาม ไม่รู้ในสัตว์น้ำเรียกกันว่าอย่างไร สำหรับมนุษย์อย่างชาวเรา คำว่า "องอาจ" น่าจะถ่ายทอดอากัปกิริยาออกมาได้ตรงถ้อย ที่สุดแล้ว ส่วนตัวคิดว่าเจ้าปลาคงชอบมากกว่าคำว่า "สง่า" (ที่เคยใช้ไปแล้วในบรรทัดต้นๆ ทั้งยังเคยได้ยินหลายคนใช้วิเศษนี้ขยายภาพลักษณ์ของสัตว์ นานาชนิด) ก็นะเจ้า "สง่า" มักเขียนวลีตามว่า "ผ่าเผย" หากเราเป็นเจ้าปลาได้ฟังรู้คงสะดุ้งใจพิลึก

ในขณะที่กำลังเจริญ ตา(เพียงอย่างเดียว)กับการว่ายไปมาอย่างองอาจ สายตาข้าพเจ้าก็ลดต่ำลงมาตรงมุมขอบตู้ กระดาษใบไม่เล็กถูกพิมพ์ขึ้นอย่างตั้งใจ เคลือบด้วยลามิเนตอย่างดี บรรจงจูบแนบชิดติดกับกระจกที่กั้นระหว่างข้าพเจ้ากับเจ้าปลามังกร

รกตาหรือ? ปล่าวเลย
ออกแบบแย่งั้นรึ? ก็ไม่ถึงขั้นนั้น

เพียง แต่แค่รู้สึกแปลกและคิดว่าเดิมควรจะถูกพิมพ์ว่า "กรุณาอย่าจับตู้ปลา" หรือไม่ก็ "อย่าเคาะกระจกเดี๋ยวปลาตกใจ" มิใช่หรือ ควรจะเป็นข้อความในท่วงทำนองของการดูแล เอาใจใส่ ปกป้องแสดงออกซึ่งความหวงแหนในสัตว์เลี้ยงราคาแพง ในเพื่อนคลายเหงามิใช่หรือ ข้อความที่ปรากฎสะกิดเตือนให้นึกถึงหลักภาษา แต่ข้าพเจ้าว่ามันชัดเจนเกินไปที่จะอ่านผิด ถ้าอย่างนั้นคงต้องจับใจความกันที่เจตนา

ข้อความสามบรรทัดนั้นแสดง เจตนาชัดว่าอยากจะสื่อสารกับผู้อื่นหาใช่เจ้าปลาราคาแพง ปลามังกรตัวนั้นที่วัน วัน มีแต่ว่ายโชว์ความองอาจ จะมีโอกาสอันใดเล่าที่จะเข้าถึงสารที่ถูกนำมาแปะประกาศ หนทางที่จะได้เห็นว่ายากแล้ว การทำความเข้าใจยิ่งเป็นไปไม่ได้ แอบคิดในทีว่าถ้ามันอ่านออกก็คงไม่อยากเห็นอยู่ดี ตรงนี้กระมังที่ข้าพเจ้าใจหาย อารมณ์ประมาณถึงเข้าใจความหมายก็รับไม่ได้ด้วยความรู้สึก ข้าพเจ้าทอดสายตาเนิบช้าเหลือบมองอีกคราแบบชัดๆ

"ขายปลามังกร 250,000
พร้อมตู้+อุปกรณ์
ติดต่อ 08-xxxx-xxxx"

ถูก เพื่อนรัก ,คู่ชีวิต ,คนดูแล มาลอบตีจาก ประกาศอย่างจะแจ้ง ผู้ที่จะได้รับรู้เป็นสุดท้ายคือตัวมันนั่นเอง ถึงอย่างนั้นถามใจข้าพเจ้า ก็คงทำเช่นมัน เมินใส่ความรู้สึกสูญเสียนั้นหรือ หาใช่ไม่ เแต่เพียงทำตามในสิ่งที่คิดว่าดีที่สุดจนถึงที่สุด คือได้แค่ว่ายต่อไปอย่างองอาจ คาดหวังความเสียดายในวาระสุดท้าย และหรือความเสียใจเมื่อจากไปแล้วให้หวนคนึง ความเศร้าที่คะเนคงไม่บังเกิด เพราะปลาไม่ใช่รู้ภาษาคน ข้าพเจ้าที่เหมือนสุขดีอยู่ทุกวันจะต่างอันใดกันเล่า เมื่อไม่มีวันจะเข้าถึงจิตใจเจ้าของ ดั่งเช่นปลาไม่รู้ภาษามนุษย์


ฤๅตอนนี้หน้าตู้ของฉันก็มีกระดาษแบบเดียวกันแปะอยู่...

26.8.11

ความเป็นไทย

"ผมอยากจะเดาด้วยว่า ความเป็นไทยที่ถูกท้าทายนี้กระทบต่อชนชั้นนำยิ่งกว่าใคร เพราะบทบาทที่เคยกุมการนิยามความเป็นไทยหลุดจากมือชนชั้นนำไปอย่างฉับพลัน คล้ายกับอะไรที่เกิดขึ้นในสมัยสงครามโลกครั้งที่ 2 คืออำนาจนำในการนิยามความเป็นไทย ตกไปอยู่ในมือของ จอมพล ป.พิบูลสงคราม ไม่ว่าจะเป็นการแต่งกาย, อักขรวิธี, การพูดจา, และศิลปะการแสดง แต่ครั้งนี้คนที่แย่งชิงการนิยามความเป็นไทยไปกลับเป็นคนไร้หัวนอนปลายตีน..."


นิธิ เอียวศรีวงศ์ 
23 สิงหาคม พ.ศ. 2554
By : matichon.co.th


ปล.(ส่วนตัว) อยากให้ไปติดตามอ่านฉบับเต็ม ความเข้มข้นในตอนท้ายชวนให้ตบเข่าฉาด และหัวร่อออกมาอย่างท่าทีของชนชั้นสูง(ผู้ขาดสามัญสำนึกในกำพืด)

25.8.11

Red Guard


ถ้าเชื่อตาม อูไกว่ (อาจารย์ของแพนด้าโป) ที่เคยร่ำว่า "ไม่มีเหตุบังเอิญในโลก" การพบเห็นสิ่งทำคล้าย เจตนา หรือจงใจให้เหมือน วัฒนธรรม/ศิลปะ แบบหลังม่านเหล็ก(ในโซเวียตรัสเซีย) อย่างบ่อยถี่ช่วงนี้ คงต้องมีสาเหตุที่มาที่ไปสินะ

ความนิยมล้อเลียนศิลปะแบบคอมมิวนิสต์ (เฉพาะเจาะจงไปที่ Propaganda Poster) มีตั้งแต่ไหนไม่ทันสังเกตุ หากถามเอาทัศนะส่วนตัว ความทรงจำไกลที่สุดที่ระลึกได้ พาลให้วลีที่เคยได้ยินลอยมา เบา เบา

"แดดแรงเท่าไร เงาก็ยิ่งชัดเข้มเท่านั้น"

ภาพกราฟฟิคกลับมามีอิทธิผลโดยไม่เพียงส่งผ่านจากโปสเตอร์ กลับทำตัวเหนือกว่านั้นด้วยยืมมือสื่อในเครือข่ายอินเทอร์เน็ต(Social Network)เสียเลย ในการหาเสียงของ มิสเตอร์โอบามา เลือกฉวยเอาวัฒนธรรมป็อปอาร์ท(Pop-Art) ในนามตัวพ่อของภาพแนวฉูดฉาดอย่าง แอนดี้ วอฮอลล์ มาเป็นหัวหอก นี่ถือประหนึ่งเป็นแดดอันแรงแผดจ้าในวันฟ้าหม่นของคนอเมริกา ภาพลักษณ์ของคนหัวใหม่ ความหวัง แรงบันดาลใจ และแน่นอนสื่อสารตรงกลุ่ม ความฉูดฉาดของการใช้สีสะดุดตาเรียกหา ทักทาย เชื้อเชิญให้เทความสนใจ จนเกิดการติดตามและศึกษาทำความรู้ความเข้าใจ

กลับกันภาคเงานั้นคงหนีไม่พ้นศิลปะแบบอาร์วองการ์ด จากยุคปฏิวัติชนชั้นกรรมกร อาวองการ์ด (Avant-garde) ใน ภาษาฝรั่งเศสหมายถึง ทหารกองหน้า หรือ ผู้นำทางสังคม (แวนการ์ด) คำนี้มักใช้ในภาษาฝรั่งเศส อังกฤษ และเยอรมัน เพื่อหมายถึงผู้คนหรืองานที่เป็นแนวทดลองหรือแนวใหม่ โดยเฉพาะในทางศิลปะ วัฒนธรรม และการเมือง  อาวองการ์ดแสดงถึงการผลักดันขอบเขตที่เป็นที่ยอมรับกันทั่วไปว่าเป็นเรื่องปกติธรรมดา (norm) หรือสถานภาพปัจจุบัน (status quo) โดยเริ่มแรกในขอบเขตทางวัฒนธรรม ปลุกจิตสำนึกของรากเหง้าของความเป็นชาติ ผ่านงานศิลปะ แต่นัยยะของมันไม่ใช่การต่อต้าน ตั้งต้นเป็นปฏิปักษ์ ตามอย่างที่เคยถือธงนำ ผิดแผกไปเลยโดยเพิ่มมิติของศิลปะเข้าไป เน้นเสียดสี ยั่วล้อ ให้คิดตามและทำความเข้าใจอย่างง่าย

ข้าพเจ้าเห็นจำแนกเหตุในการยกเอาคู่ตรงข้ามของด้านในศิลปะมาประชันกันอย่างดาษดื่น ในโลกไซเบอร์ เป็นผลอันเนื่องมาจากแดด และ เงา ตามอย่างที่ได้กล่าวไปแล้วข้างต้น ความน่าสนใจอยู่ที่ผู้นำไปใช้มีความรู้เท่าถึงเพียงไรในการจะสื่อความหมาย มีความระวังไหวหรือการศึกษาเพียงไรจึงจะรู้ทราบว่าไม่ได้กระทำการลงไปให้ระคายเคืองกระทบชิ่งถึงตัวองค์กร สินค้า หรือสถาบันโดยเจตนาเพียงแค่เห็นเป็นเรื่อง เท่ห์ เก๋ ชิค(chic)   

ความน่าสนใจเพิ่งจะเริ่มเกิดมี จากนี้เราจะแอบติดตามดูอย่างเพลิดเพลิน

สัมภาษณ์ตัวเอง

ยังเรียบเรียงเรื่องที่จะเขียนไม่ออกจึงคิดว่าควรเริ่มต้นการกลับชาติมาบ่นใหม่ด้วย บทสัมภาษณ์ตัวเองคงหรูไม่เบาเผื่อมีวันไหนดัง หรือมีสาวออกมาแฉจะได้เตรียมคำตอบไว้แต่เนิ่น ๆ เริ่มกันเลยดีกว่า


1 Three things I can't leave without:

iPhone ::: ติดหนึบ เป็นนิยามที่ครอบคลุม
Star Soccer (รายวัน) ::: เอาเป็นว่ายอมอดข้าว ดีกว่าไม่ได้อ่านหนังสือเลยละกัน
เป้สะพายข้าง ::: ปีนึงหัวไหล่ห่างเป้ ไม่เกิน 20 วัน เอะอะหยิบเป้ไว้ก่อน

2 My secret talent is:

 การใช้ และเล่นกับตรรกะ

3 I love watching...

กีฬา ::: มันสร้างแรงบันดาลใจ และส่งต่อเล่าขานออกไปได้อย่างทรงพลังและไร้ขอบเขตจริงๆ

4 I cry when I watch...

หนัง ละคร ::: เผลอปล่อยอารมณ์ไหลตามไปได้ทุกทีสิน่า

5 My favourite song to sing in the shower is...

พรานล่อเนื้อ / หนึ่งมิตรชิดใกล้

6 I wish I had more...

ความอดทน และ "ตูด" เป็นสองอย่างที่ขาดอยู่ ถ้าได้อย่างเดียวขอ "ตูด" มาก่อนเลย ปัจจุบันนั่งแล้วเจ็บมาก

7 I like my girl to wear...

เสื้อเชิ้ตสีขาวตัวใหญ่ๆ ชุดนอนหลวม ๆ แขนเสื้อยาวกว่าแขนจริง

8 The best thing to do for a woman is...

ตั้งใจทำอะไรสักอย่าง ไม่สำคัญว่าจะเล็กหรือไร้เหตุผลแค่ไหนก็ตาม

9 The most important thing I learned from my father was...

การสังเกตุ ปฏิภาณ และทุกอย่างที่เป็นเรื่องดีในชีวิต

10 My favourite time of day is...

ช่วงเช้าอันสดชื่น ช่วงเย็นที่เหมาะกับทุกกิจกรรม และหัวค่ำอันแสนผ่อนคลาย

23.10.10

the yers



การสื่อสาร The Yers
เชิญทัศนาพลางคิดตาม

---------------------------------------
ใจเราคิดตรงกันแล้ว ใจเราคิดตรงกัน
ฉันคอยบอกเธอประจำ ทำไมไม่เคยรู้
บอกเธอย้ำเตือนเธอแล้ว บอกเธอย้ำเตือนเธอ
คอยบอกเธอประจำ ที่ข้างหู
ต้องทนกับความทรมาณ ต้องทนกับการสื่อสารที่ไม่เข้าใจ
ปล่อยกายและใจให้เบิกบาน อย่ากลัวเถอะฉันไม่ทำร้ายใคร
หากว่านิ่งฉันไม่แคร์ไม่ใส่ใจ เธอคงไม่รู้ความจริงเป็นอย่างไร
ได้แต่เสียใจ… และเมื่อเธอรับข้อความที่ส่งไป
เธอจะได้เห็น รักฉันที่ข้างใน อยู่เต็มหัวใจ ไม่เคยจะแบ่งให้ใคร……


-----------------------------------------------